เพราะบ้านเป็นที่อยู่อาศัยที่เราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยไปแสนนาน การจัดบ้านให้อยู่เย็น อยู่สบาย ทั้งทางกายภาพและด้านจิตใจ จึงมักเป็นหลักที่ผู้คนมักนึกถึง
นอกจากความอยู่เย็นอยู่สบายด้านกายภาพ หลายบ้านรวมถึงสถาปนิกจำนวนไม่น้อยมักศึกษาศาสตร์ด้านฮวงจุ้ย นำมาเป็นหลักเสริมให้บ้านอยู่ดีในแง่จิตใจอีกด้วย ทั้งนี้เพราะหลักฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของการนำพลังจากธรรมชาติมาช่วยเสริมพลังให้บ้าน ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือลม เชื่อว่าธรรมชาติเหล่านี้จะนำพลังงานดีเข้าบ้าน เสริมสิริมงคลให้บ้าน และทำให้คนอยู่เย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรือง
จะว่าไปแล้วเรื่องของฮวงจุ้ยหลายข้อก็สอดคล้องกับหลักการออกแบบเพื่อให้บ้านอยู่สบายในทางการก่อสร้าง เช่น การไม่ออกแบบให้ประตูหน้าบ้านกับประตูหลังบ้านให้อยู่ตรงกัน เพราะเชื่อว่าจะทำให้ ชี่
(Sheng Chi) ซึ่งเป็นพลังงานดีไหลเข้าบ้านแล้วออกอย่างรวดเร็ว ไม่วนเวียนอยู่ในบ้าน ขณะที่ในแง่ของการออกแบบและก่อสร้างบ้าน ช่องเปิดขนาดใหญ่ที่ตรงกันถึงสองช่องก็จะทำให้ลมพัดเข้า-ออกอย่างรวดเร็วและรุนแรงเกินไป อย่างนี้เป็นต้น การเรียนรู้หลักการเหล่านี้ไว้จึงไม่เสียหลาย เช่นในไอเดียบุคนี้ ที่จะนำหลักการจัดบ้านตามฮวงจุ้ยแบบง่ายๆ ทำให้บ้านอยู่เย็น อยู่สบายมาฝากกัน รับรองไม่ไกลตัวแถมยังเหมาะแก่อากาศร้อนๆ อย่างเมืองไทยของเรานี่ด้วย
เรื่องการจัดเก็บทำความสะอาดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว นอกจากมองแล้วสบายตา ยังดีต่อสุขภาพ ซึ่งรวมไปถึงสุขภาพของพลังงานที่จะไหลเวียนเข้ามาในบ้านด้วย อย่างตามหลักฮวงจุ้ยที่ว่า บ้านที่ดีไม่ควรมีสิ่งของเกะกะเพราะจะขัดขวางพลังชี่นั่นเอง
ชี่เป็นเรื่องของพลังงานจักรวาล พลังงานสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรา สำหรับใครที่เคร่งครัดในหลักการเกี่ยวกับฮวงจุ้ยมากๆ แม้สีจะมีผลต่อฮวงจุ้ยน้อยกว่ากระแสอากาศ แต่การเลือกใช้สีทาบ้านก็อาจมีเรื่องให้ศึกษาอยู่ไม่น้อย อย่างสีฟ้าเช่นที่ปรากฏอยู่ในภาพ มีความหมายเกี่ยวโยงไปถึงความมั่นคงในชีวิต โดยเฉพาะด้านการงาน เงินทอง (อาจต้องศึกษาลึกลงไปร่วมกับทิศการหันหน้าของบ้าน) ทั้งสีฟ้ายังมีความเชื่อมโยงกับน้ำซึ่งเป็นธาตุในธรรมชาติที่สร้างพลังงานสำคัญ
ส่วนในแง่ของการออกแบบ สีฟ้าให้ความรู้สึกเย็น มั่นคง มองดูแล้วผ่อนคลาย จะว่าไปก็เสริมกันทั้งด้านความเชื่อและความรู้สึกจริงๆ
อย่าหัวเราะไป ถ้าเราจะบอกว่า แค่ได้ยินคำว่า น้ำ
ก็ช่วยให้เราคลายร้อนขึ้นนิดหน่อยแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับในหลักการด้านฮวงจุ้ย น้ำคือ 1 ใน 4 ธาตุสำคัญและมีผลกับฮวงจุ้ยเป็นอย่างมาก อย่างบ้านที่มีประตูหลักตรงและใกล้กับประตูรั้วมากๆ ซินแสก็มักแนะนำให้วางสิ่งที่เป็นธาตุน้ำไว้ขวาง เพื่อลดความเร็ว ไม่ให้ชี่ไหลออกได้ง่าย
ขณะที่หลายบ้านมักนิยมสร้างสิ่งที่เป็นตัวแทนของธาตุน้ำไว้ในพื้นที่บ้านด้วย เช่น น้ำพุ หรือตู้ปลาเช่นในตัวอย่างนี้ เป็นตู้ปลาที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ค่อนข้างยาว เชื่อกันว่าจะส่งเสริมความเจริญก้าวหน้า ทั้งยังเชื่อว่าหากยิ่งวางไว้ในบริเวณประตูใหญ่ก็จะยิ่งเก็บกักพลังงานได้มาก เป็นการเสริมหรือแก้ไขฮวงจุ้ยให้ดีอย่างหนึ่ง ทั้งยังมองดูแล้วเย็นตาดีด้วย
สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติอย่างต้นไม้ก็มีผลกับความเชื่อตามหลักฮวงจุ้ย นอกจากในเวลากลางวันต้นไม้จะให้ร่มเงา ช่วยเป็นปอดฟอกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วสังเคราะห์ออกซิเจนออกมาให้เราแล้ว ชนิดของต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณบ้านและตำแหน่งที่ปลูกยังมีผลกับพลังงานดีที่ไหลเวียนเข้าบ้านอีกด้วย เช่น การปลูกต้นไผ่รอบบ้านเชื่อว่าจะช่วยป้องกันบ้าน หากปลูกไว้หน้าบ้านจะช่วยส่งเสริมด้านโอกาส ความมั่งคั่ง แต่ทั้งนี้จะต้องดูแลให้ต้นไผ่งอกงาม มีใบเขียวดกอยู่เสมอ หรือบางตำรา เชื่อว่าการปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้กลางบ้าน อาจทำให้มีปัญหาด้านการเงิน เป็นต้น
ฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของความสอดประสานของพลังงานธรรมชาติ แสงก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น เนื่องด้วยไม่มีอะไรจะเสริมพลังงานธาตุไฟได้ดีไปกว่าแสงอีกแล้ว แต่ทั้งนี้ทุกอย่างต้องอยู่บนหลักของความพอดี และผสานกันอย่างลงตัว
ในหลักการออกแบบนั้นเราจะเน้นให้ห้องมีแสงแดดส่องเข้าทั่วถึง ทั้งในแง่ความสว่าง และการใช้แสงแดดเป็นตัวทำลายความชื้นภายในบ้าน ขณะเดียวกันแสงที่สาดส่องเข้ามาก็ต้องไม่มากเกินไปจนทำให้บ้านร้อน ส่วนแสงที่เกิดจากแหล่งกำเนิดอื่น เช่น หลอดไฟแต่ละประเภทนั้นก็มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของห้องต่างๆ
ทั้งนี้ในหลักฮวงจุ้ยก็เช่นกัน แสงเกี่ยวเนื่องกับพลังงานและความไม่ติดขัด การออกแบบบ้านให้ติดตั้งหลอดไฟหรือมีแสงเข้ามาทางทิศต่างๆ ก็มีความหมายแตกต่างกันไป อาทิ ทิศตะวันเหนือเป็นโชคด้านหน้าที่การงาน ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวแทนของความรัก ขณะที่ปริมาณแสงไฟก็มีผล เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ ไม่ควรมีแสงสว่างเกินหน้าเกินตาพื้นที่ส่วนรวมอย่างห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว ส่วนห้องไหนที่มีแสงมากจนเกินไป ก็ว่ากันว่าจะทำให้มีพลังงานมากเกินไปจนอยู่ไม่สบาย อึดอัด
เราเอ่ยถึงธาตุไฟ 1 ใน 4 ธาตุสำคัญของธรรมชาติกันไปแล้วในเรื่องของแสง คราวนี้มาโฟกัสที่ไฟจริงๆ อย่างเตาผิงกลางบ้านกันบ้าง โดยเตาผิงในตำแหน่งกลางห้องนั่งเล่นนั้นจะนำความอบอุ่นทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรมมาให้แก่สมาชิกในบ้าน ซึ่งในข้อหลังนั้นหมายถึงการมารวมกันของผู้คนในบ้าน ทำให้เกิดการสังสรรค์ พูดคุย และความรู้สึกที่ดีในการอยู่ร่วมกัน บางตำราถึงกลับบอกไว้ว่า ต่อให้ไม่ใช้เตาผิงแล้วก็ควรมีเทียนหรืออะไรที่เป็นตัวแทนของไฟตกแต่งเอาไว้เพื่อคงพลังงานชีวิต
ส่วนบ้านในเมืองไทยที่ร้อนระอุ เตาผิงอาจเป็นเรื่องห่างไกล การใช้โคมไฟแชนเดอร์เลียที่มีคริสตัลสะท้อนไฟระยิบระยับ หรือมีการจุดเทียนแทนก็ให้ความหมายไปในทางเดียวกันได้
เล่าให้ฟังกันข้างต้นว่าสีที่ใช้ทาบ้านมีความหมายแตกต่างกันไปตามหลักฮวงจุ้ย สีของเฟอร์นิเจอร์ก็เช่นกัน โดยในภาพตัวอย่างนี้เป็นการเชื่อมโยงสีของห้องนั่งเล่นให้เข้ากับธาตุดิน ซึ่งว่ากันว่าเป็นธาตุที่มีพลังงานสูงสุดในช่วงนี้ (พ.ศ. 2547-2567) เป็นสีน้ำตาลอ่อนเฉดต่างๆ หรือสีเอิร์ธโทนที่เกิดจากไม้และเส้นใยจากธรรมชาติ ช่วยเสริมเรื่องฮวงจุ้ย และยังทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย มองแล้วสบายตาไปพร้อมๆ กัน
ทั้งนี้สีแนวเอิร์ธโทนซึ่งให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ยังเหมาะกับห้องนอนและห้องครัวอีกด้วย
(สำหรับผู้ที่อยากได้ไอเดียเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดห้องนอนให้น่านอน อยู่สบาย แวะไปอ่านเพิ่มเติมได้เลยที่ www.homify.co.th/ideabooks/3021346)
ปิดท้ายกันด้วยหลักฮวงจุ้ยกับข้าวของต่างๆ ที่ใช้ตกแต่งบ้าน ซึ่งจะว่าไปแล้วข้าวของแต่ละชิ้นย่อมมีความหมายต่อความรู้สึกที่แตกต่างกัน หรืออาจเชื่อมโยงกับสีของของนั้นๆ เช่น หมอนอิงที่มีรูปแบบเรียบง่าย มีสีน้ำตาลที่เป็นสีของไม้และสีฟ้าของน้ำ ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายแก่ผู้พบเห็น เวลากลับจากข้างนอกที่ร้อนๆ เข้าบ้านมาเห็นบ้านสวยงาม สบายตา ก็จะทำให้อารมณ์สงบและเย็นลงได้นั่นเอง
ขณะเดียวกันของแต่งบ้านหลายชิ้น ก็อาจถูกนำมาจัดวางเพื่อแก้หรือเสริมฮวงจุ้ยให้ดี อย่างภาพวาด ฉากกั้น น้ำพุน้ำล้น หรือแม้แต่กระดิ่งลม แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นหลักการไหน ก็ควรเน้นที่ความสะอาด ไม่ระเกะระกะ รวมถึงการบำรุงรักษาของให้ดูดี และใช้งานได้ดีอยู่เสมอ จะได้ไม่เป็นตัวกีดขวางพลังงานดีๆ ที่จะเข้ามาในบ้าน รวมถึงดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย